วันอาทิตย์ที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2555

[TRANS] JUNIEL’s Special Interview On MusicShelf‏





JUNIEL, an 18 year-old singer-song-writer from Korea. While many of her fellow Korean artists struggle in the crazy competitions, she’s rooted in the ground to bloom her sweet and delicate big flower here in Japan. She came to Japan in 2010. Going to a Japanese language school as well as producing songs and holding lives aggressively, made a debut in last November. After releasing 2 Indie mini-albums. She put her main position in Japan from the start and kept writing and singing Japanese songs. The neatly written melody and her tender vocals on the 2nd major single, ‘Sakura~unreachable feeling~” reminds us Japanese of our original sentimentalism as Japanese people which we’ve almost forgotten.
We met her for the first time. She was trying to choose the words to talk to us although her Japanese was good enough. You will probably sense her obedient and strong character from this interview.

JUNIEL, นักร้องนักแต่งเพลงอายุ 18 ปีจากเกาหลี ในขณะที่เหล่าศิลปินทั้งหลายในเกาหลีต่างต่อสู้เพื่อหาพื้นที่ยืนกันอย่างบ้าคลั่ง เธอกลับเป็นดอกไม้ที่ถูกฝังรากและเบ่งบานอย่างงดงามในญี่ปุ่น เธอมาญี่ปุ่นในปี 2010 เริ่มเรียนรู้ภาษาญี่ปุ่นและทำเพลงด้วยความกล้าหาญด้วยการเดบิวต์ในเดือนพฤศจิกายน เธอเลือกที่จะอยู่ในญี่ปุ่นและเริ่มที่จะเขียนและร้องเพลงเป็นภาษาญี่ปุ่น การเขียนเมโลดี้ด้วยความปราณีต พร้อมกับเสียงร้องเพราะ ๆ ในซิงเกิ้ลหลักที่สอง ‘Sakura~unreachable feeling~” ทำให้นึกถึงความรู้สึกแบบญี่ปุ่นดั้งเดิมที่เราเกือบจะลืมไป

เราเจอเธอครั้งแรก เธอพยายามที่จะสรรหาคำพูดมาพูดกับเรา ภาษาญี่ปุ่นของเธอดีมาก คุณอาจจะรู้สึกเชื่อและรู้สึกถึงความเป็นตัวเธอจากบทสัมภาษณ์นี้

Q: Your Japanese is good.
J: Thank you. I’m OK (Laughter).

Q: ภาษาญี่ปุ่นของคุณดีมาก

J: ขอบคุณค่ะ ดีจริง ๆ (หัวเราะ)

Q: You used to go to a Japanese language school and did indie activities at the same time.
J: Yes, Now I’m doing activities in both Korea and Japan. But when I was still performing my livestreet, I've lived in Japan for 1 and a half year and went to the language school.

Q: คุณเคยไปเรียนในโรงเรียนสอนภาษาญี่ปุ่น และก็ทำกิจกรรมอินดี้ไปพร้อม ๆ กัน

J: ใช่คะ ตอนนี้ฉันยังทำกิจกรรมทั้งในเกาหลีและญี่ปุ่น ตอนที่ฉันมีสตรีทไลฟ์ ฉันอยู่ที่ญี่ปุ่นเป็นเวลา 1 ปีครึ่ง แล้วก็เรียนภาษาไปด้วย

Q: It’s hard to do both music and study.
J: Yes, but I just do it.

Q: เป็นเรื่องยากที่จะทำทั้งดนตรีและเรียนไปพร้อม ๆ กัน

J: ใช่คะ แต่ฉันก็แค่ทำมัน

Q: Before asking about your new single, I would like to ask you about your past Since this is our first time to meet. First of all, what triggered you to be a singer?
J: No any special reason but I was grown up seeing my dad singing and playing the guitar since I was little. He used to do music in his college. So, I was familiar to music. I’ve just liked music and started to learn it when I noticed (Laughter).

Q: ก่อนที่จะถามเกี่ยวกับเพลงใหม่ ฉันอยากจะถามคุณเกี่ยวกับเรื่องที่ผ่านมา ตัั้งแต่ครั้งแรกที่มา และอะไรที่ทำให้คุณมาเป็นนักร้อง

J: ไม่มีอะไรเป็นพิเศษค่ะ ฉันโตมาพร้อมกับการได้เห็นพ่อของฉันร้องเพลงและเล่นกีต้าร์ตั้งแต่ฉันยังเด็ก ท่านทำเพลงตอนที่เรียนในวิทยาลัย ฉันก็เลยคุ้นเคยกับเพลง ฉันชอบฟังเพลงและเริ่มที่จะเรียนรู้เกี่ยวกับมันตอนที่ฉันสังเกตเห็น (หัวเราะ)

Q: May I ask what kind of music your father was listening to?
J: Foreign music, Bruce, Rock and Pops. And J-POP, too.

Q : พ่อของคุณฟังเพลงสไตล์ไหน

J: เพลงต่างประเทศคะ บลูส์ ร๊อค ป๊อบ แล้วก็เจป๊อบด้วย

Q: Did your father teach you guitar?
J: No, but I’ve been interested in it ever since I was a child.

Q: คุรพ่อเป็นคนสอนคุณเล่นกีต้าร์ใช่มั๊ย

J: ไม่ค่ะ แต่ว่าฉันก็สนใจมาตั้งแต่ฉันยังเด็ก

Q: About when did you begin studying singing and playing the guitar?
J: I began studying singing when I was in elementary school and 3rd grade of junior high school for guitar.

Q: ตอนที่คุณเริ่มเรียนร้องเพลงแล้วก็เล่นกีต้าร์เป็นยังไงบ้าง

J: ฉันเริ่มเรียนร้องเพลงก่อนแล้วจึงเริ่มเรียนกีต้ารืตอนที่อยู่ชั้นปีที่สามตอนมัธยมต้น

Q: And making songs?
J: I think on 3rd grade of junior high school, too. I’ve always been thinking “I want to make these kinds of music” listening to variety of songs since I was a child. And I challenged making songs after learning the guitar cords.

Q: แล้วเริ่มทำเพลง?

J: ฉันคิดเรื่องนี้ตอนเรียนชั้นปีที่สามชั้นมัธยม ฉันมักจะคิดว่า "ฉันอยากจะทำเพลง" แล้วก็เริ่มฟังเพลงที่หลากหลายตั้งแต่เด็ก และเริ่มผันตัวเองไปทำเพลงหลังจากได้เรียนรู้เกี่ยวกับคอร์ดกีต้าร์

Q: I see. Any favorite or impressive artists for you among those music you’ve listened to?
J: Yes. My favorite singer is Ringo Shiina. When I heard her music for the first time, I found it very different from which I listen to. Her music is heavy whereas my favorite was soft and tender. So, I've been away from her music for a while. And then I just remembered her voice all of sudden and I listened to it again. There, I was caught by her music… I read the lyrics and I’d come to like it more. Ms. Shiina is my favorate artist and the person whom I want to be like.

Q: คุณฟังเพลงที่หลากหลายมีศิลปินคนไหนที่คุณชื่นชอบ

J: ฉันชอบ Ringo Shiina คะ ตอนที่ฉันได้ยินเพลงของเธอครั้งแรก มันรู้สึกว่ามันแตกต่างจากที่ฉันเคยได้ฟังมา ดนตรีของเธอหนักแน่น แต่แบบที่ฉํนชอบเป็นแบบเบา ๆ สบาย ๆ ฉันก็เลยไม่ฟังเพลงของเธอ แต่ฉันกลับจำเสียงของเธอได้ในทันที ฉันก็เลยฟังเธออีกครั้ง ฉันชอบเพลงของเธอ และเมื่อได้เห็นเนื้อเพลงก็ยิ่งชอบมากขึ้น เธอเป็นศิลปินที่ฉันชอบมากและฉันอยากจะเป็นแบบเธอ

Q: So, you’re aiming Ms. Shiina.
J: Yes, but sorry to say aiming. I just like her that much.

Q: เป้าหมายของคุณคือ Shiina

๋J: ใช่คะ แต่อย่าพูดว่าเป้าหมายเลย ฉันแค่ชอบเธอมากเท่านั้นเอง

Q: (Laughter) Ringo Shiina is different from other J-POP artists. What point are you attracted by?
J: The best point is her lyrics. And She has a great sense of music. I think she is attractive and talented.

Q: (หัวเราะ) Ringo Shiina แตกต่างจากศิลปินเจป๊อบคนอื่น ๆ อะไรที่ทำให้คุณชอบเธอ

J: สิ่งที่ดีที่สุดคือเนื้อเพลงคะ แล้วเธอก็มีความรู้สึกต่อดนตรีที่ดีเยี่ยม ฉันคิดว่าฉันชอบความสามารถของเธอ

Q: You came to Japan to study music. Why did you choose Japan?
J: In Korea, most of the artists are dance group. There isn't many artists who play instruments or is a singer-song-writers. The system of being ‘indie’ is not quite popular there, either. Whereas in Japan, there are so many artists who play instruments and singer-song-writers plus the indie activities are active. That’s why I chose Japan for studying music. My favorite Ringo Shiina is in Japan as well (Laughter).

Q: คุณมาที่ญี่ปุ่นเพื่อนเรียนดนตรี ทำไมคุณถึงเลือกที่จะมาญี่ปุ่น

J: ในเกาหลีเต็มไปด้วยศิลปินแล้วก็แดนซ์กรุ๊ป ไม่ค่อยมีคนที่ร้องเพลงเล่นดนตรี หรือร้องเองแต่งเองคะ ทำให้ศิลปินอินดี้ไม่ได้รับความนิยม แต่ที่ญี่ปุ่้นมีศิลปินที่ร้องเพลงเล่นดนตรี ร้องเองแต่งเองมากมายเลยทำให้กิจกรรมของศิลปินอินดี้ได้รับการสนใจคะ นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมฉันถึงเลือกมาเรียนดนตรีที่นี่ แล้ว Ringo Shiina ศิลปินคนโปรดของฉันก็อยู่ที่นี่ด้วย (หัวเราะ)

Q: And then you thought you wanted to challenge in Japan not in Korea?
J: Yes, I did. Of course I couldn’t understand Japanese but I was feeling familiar to it because of my father’s influence.

Q: นั่นทำให้คุณอยากจะลองทำอะไรในญี่ปุ่นไม่ใช่ที่เกาหลี

J: ใช่คะ แม้ฉันจะไม่เข้าใจภาษาญี่ปุ่น แต่ฉันก็รู้สึกคู้นเคยเพราะอิทธิพลจากคุณพ่อของฉัน

Q: You’ve stay here all alone and holding some street lives, too.
J: Yes, in Shinjuku and Shibuya. It was so much fun. I’ve always wanted to do that and was very happy to see that the number of audiences increased. So happy to see they were enjoying my music.

Q: คุณอยู่ที่นี่คนเดียวแล้วก็ยังมีสรีทไลฟ์ไปด้วย

J: คะ ทั้งที่ชินจุกุและชิบุย่า มันสนุกมาก ฉันอยากจะทำแล้วก็มีความสุขทุกครั้งที่มีคนมาดูฉันเพิ่มขึ้น มีความสุขที่คนดูสนุกไปกับดนตรีของฉันคะ

Q: Anything you learned by coming to Japan all alone and having great times with unknown people?
J: I've learnt many. I found it’s not OK if only I am enjoying… I found it’s important to do the music that I want as well as people find it fun.

Q: อีกอย่างที่คุณได้เรียนรู้จากการมาญี่ปุ่นเพียงลำพังคือการได้มีช่วงเวลาที่ดีกับคนที่คุณไม่รู้จักมาก่อนใช่ไหม

J: ฉันได้เรียนรู้มากมาย ฉันได้รู้ว่ามันจะไม่สนุกคะถ้ามีเพียงแค่เราสนุก สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการทำดนตรีและมันจะดีก็ต่อเมื่อผู้คนสนุกไปกับมัน

Q: About a half year later after that, you made a major debut. How did you feel?
J: It had a big impact on me. I had a little anxiety of “I’m not good enough” and the delight of coming close to my dream at the same time… It was mixed, to be honest.

Q: หลังจากนั้นเพียงครึ่งปี คุณก็ได้เมเจอร์เดบิวต์ รู้สึกยังไงบ้าง

J: เป็นอะไรที่ใหญ่มากสำหรับฉัน ฉันวิกตกกังวลเล็กน้อย รู้สึกว่า "ฉันดีไม่พอ" และก็พอใจที่ความฝันของฉันใกล้เข้ามาแล้วในตอนนี้ มันผสมปนเปกันไปหมดเลย

Q: You’re honest. What do you think of Korean artists being successful in Japan?
J: I think it’s brilliant. But I don’t compare them to myself.

Q: คุณพูดตรงจัง อะไรที่คุณคิดว่าจะทำให้ศิลปินเกาหลีประสบความสำเร็จในญี่ปุ่น

J: ความโดดเด่นคะ แต่อย่าเอาฉันไปเปรียบเทียบกับพวกเขานะคะ

Q: You just don’t care so much?
J: They're different from where I’m walking. They come to Japan after succeeding in Korea whereas I started in Japan from the beginning and gradually getting to know by people from the indie. I just think I want to try more and more so that many more people get to know me… So, I don’t really think about them.

Q: คุณไม่ได้สนใจตรงนั้นใช่ไหม

J: พวกเขาแตกต่างจากฉันคะ เขามาญี่ปุ่นหลังจากที่ประสบความสำเร็จในเกาหลีแล้ว แต่ฉันเริ่มต้นที่ญี่ปุ่นและเป็นที่รู้จักจากการเป็นศิลปินอินดี้ ฉันแค่คิดว่าฉันต้องพยายามให้มากขึ้นเพื่อที่จะเป็นที่รู้จัก ฉันไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับคนอื่นคะ

Q: You’re going your way. Have the anxieties gradually gone off?
J: Well, I still have many things to make up. But I always have a gratitude feeling. I feel I have to grow up more since I’m major now… I just feel I want to try hard.

Q: คุณเลือกที่จะไปตามทางของคุณ แล้วค่อย ๆลดความวิตกกังวลลงใช่ไหม

J: ฉันยังมีอีกหลายอย่างที่อยากจะทำ แต่ฉันก็ยังระลึกถึงสิ่งที่เคยเป็นมาอยู่เสมอ ฉันรู้สึกว่าโตขึ้นหลังจากที่ฉันเดบิวต์ และฉันก็แค่ต้องพยายามให้มากขึ้น

Q: Got it. You said you are active in both Korea and Japan now. Were you in Japan when there was the earthquake?
J: Yes I was. There’re no earthquakes in Korea. I experienced it for the first time here. I was very scared.

Q: ใช่แล้ว คุณบอกว่าคุณทำกิจกรรมทั้งในเกาหลีและญี่ปุ่น ตอนที่มีแผ่นดินไหวคุณก็อยู่ในญี่ปุ่นใช่ไหม

J: ใช่คะ ที่เกาหลีไม่มีแผ่นดินไหว ฉันมีประสบการณ์เรื่องนี้เป็นครั้งแรก ฉันกลัวมาก

Q: Did you see how the disaster areas are on TV or something?
J: Yes, I was so sad. And noticed that I’d been helped a lot by people. I thought what I could do for them … Then, made a major single, ‘Forever’.

Q: ตอนที่ได้ดูภาพการเกิดมหันตภัยทางทีวีคุณรู้สึกอย่างไรบ้าง

๋J: ฉันเศร้ามากคะ แล้วก็ได้พบว่าฉันได้รับความช่วยเหลือจากคนมากมาย ฉันคิดว่าฉันจะทำอะไรได้บ้าง หลังจากนั้นฉันก็ทำเพลง "Forever"

Q: Really? We hope many more people will listen to your ‘Forever’. Now, we would like to ask you about the new single, ‘Sakura~unreachable feeling’. We Japanese love the flower, Sakura. How about you?
J: Yes, that’s my favorite, too. Sakura’s blooming period is very short. Only 1 week and they just go. I like it on the point of it’s a little sentimental.

Q: จริงเหรอ?? เราหวังว่าจะมีคนมากมายได้ฟังเพลง Forever ของคุณ และตอนนี้เราก็อยากให้คุณพูดถึงเพลงใหม่ ‘Sakura~unreachable feeling’ คนญี่ปุ่นรักดอกซากุระ แล้วคุณล่ะ

J: ฉันชอบซากุระคะ ซากุระบานแป๊บเดียวเอง แค่สัปดาห์เดียวแล้วก็ร่วง ฉันชอบตรงนี้แหละ

Q: We heard this is the first song made by piano. You rewrote the one in the 2nd album ‘Dream&Hope’. How was the original one?
J: It’s originally about love. But this time I arranged the lyric to express the sentimentalism of Sakura and graduation.

Q: เราได้ยินมาว่าในตอนแรกเพลงนี้ถูกแต่งขึ้นจากเปียโน คุณเอามาเขียนใหม่จากอัลบั๊มที่สอง Dream&Hope แบบต้นฉบับเป็นยังไงบ้าง

J: ต้นฉบับเกี่ยวกับความรักคะ แต่เราเอามาเรียบเรียงใหม่เพื่อให้รู้สึกถึงซากุระและการจบการศึกษาคะ

Q: Is it only the lyric which is changed?
J: The lyric and arrangement is different but my feeling when singing has changed the best. The sentimentalism of love and graduation are different. I would like to show that point.

Q: เปลี่ยนแค่เนื้อเพลงงั้นเหรอ

J: ทั้งเนื้อเพลงแล้วก็การเรียบเรียงที่แตกต่างคะ ความรู้สึกของฉันตอนที่ร้องก็ต่างไปด้วย ความรู้สึกเกี่ยวกับความรักและการจบการศึกษามันแตกต่างกันคะ ฉันอยากจะให้เห็นถึงจุดนี้

Q: You are writing in Japanese. But do Korean words come up first to you?
J: Recently, Japanese phrases come up first. I used to write in Korean first and translated into Japanese by looking up dictionary. But it’s hard so I just thought doing Japanese from the start!(Laughter)

Q: คุณเขียนภาษาญี่ปุ่น แต่เริ่มจากเขียนเป็นเกาหลีก่อนใช่ไหม

J: ฉันเริ่มจากการเขียนภาษาญี่ปุ่นเป็นวลีก่อน ฉันเคยเขียนจากภาษาเกาหลีแล้วแปลเป็นญี่ปุ่นด้วยการดูจากดิคชันนารี แต่มันยากมาก ฉันเลยเริ่มจากการเขียนเป็นญี่ปุ่นเลย (หัวเราะ)


Q: (Laughter) ‘Sakura’ is written with CUL and Junji Ishiwatari.
J: Yes. But I've never met Mr.Ishiwatari. I wrote the lyrics first and he corrected it for me. I was grateful to look at his lyrics. I could learn a lot about how Japanese people express their feelings on lyrics. I was very happy. I want to say thank you very much to him.

Q: (หัวเราะ) Sakura เขียนโดยคุณกับ CUL และ Junji Ishiwatari

J: ใช่คะ แต่ฉันไม่เคยพบคุณ Ishiwatari มาก่อน ฉันเขียนเนื้อเพลงก่อนแล้วเขาถึงมาตรวจทานอีกครั้ง ฉันรู้สึกดีมากตอนที่ได้เห็นเนื้อเพลงของเขา ฉันสามารถเรียนรู้ถึงความรู้สึกของคนญี่ปุ่นได้จากเนื้อเพลง ฉันมีความสุขมากและก็อยากจะขอบคุณเขามาก ๆ

Q: And then, of course you want to write your own words even so?
J: Yes. I know my ability is not good enough but I want to write what I feel because it’s my songs.

Q: แล้วคุณก็อยากจะเขียนเพลงที่เป็นคำพูดของคุณเองด้วยใช่ไหม

J: ใช่คะ ฉันรู้ว่าความสามารถของฉันอาจไม่มากพอ แต่ฉันก็อยากจะเขียนความรู้สึกลงไปเพราะว่ามันเป็นเพลงของฉันคะ

Q: I see. I can sense your emotion from this song.
J: Yes. There’s stories in lyrics. I’m trying to express the feelings point by point just like there’s happy feelings and sad feelings.

Q: ใช่ ฉันรู้สึกได้ถึงอารมณ์ของคุณจากเพลงนี้

J: มีเรื่องราวอยู่ในเนื้อเพลงคะ ฉันพยายามที่จะใส่ความรู้สึกของฉันลงไปที่ละอย่างทั้งสุข และเศร้า


Q: Now, about coupling songs. Talking to you today, I guess the song which is closest to your profile is this ‘Pinochio’.

J: You got it(Laughter).

Q: ที่นี่เรามาพูดคุยเกี่ยวกับเพลงคู่ การที่ได้พูดคุยกับคุณในวันนี้ ฉันทายว่าเพลงที่ใกล้เคียงกับความเป็นคุณมากที่สุดคือ Pinochio

๋J: คุณฟังแล้ว (หัวเราะ)


Q: You wrote this song along with the story of ‘Pinochio’. Is there any links between the hero of the story and you?
J: Yes. I became pinochio myself when I was writing the lyric. I was thinking what I’d think if I was pinochio. So, my thought is in there, too.

Q: คุณเขียนเพลงนี้ผ่านเรื่องราวของ Pinochio มีความเกี่ยวข้องอะไรระหว่างตัวนำของเรื่องกับคุณ

J: ใช่ ฉันกลายไปเป็นพิน๊อคคิโอตอนที่เขียนเนื้อเพลง ฉันจะคิดอะไรนะถ้าฉันเป็นพิน๊อคคิโอ ฉันพยายามคิดให้เป็นตัวเขา

Q: The 3rd song ‘with you’ is a pretty love song. It’s a spring song, too.
J: Yes. I love Sakura. I wrote this song while imagining a sweet couple in a park with lots of Sakura. My wish is in this song… maybe(Laugter).

Q: เพลงที่สาม 'with you' เป็นเพลงที่เพราะมาก เป็นเพลงของฤดูใบไม้ร่วงเหมือนกันใช่ไหม

J: ใช่คะ ฉันรักซากุระ ฉันเขียนเพลงนี้โดยจินตนาการถึงคู่รักหวานแหววในสวนที่เต็มไปด้วยซากุระที่ร่วงหล่น ฉันอยากเป็นเหมือนในเพลง (หัวเราะ)

Q: (Laughter) Your lyric will probably change little by little as you grow up.
J: I guess so and I’m looking forward to it.

Q: (หัวเราะ) เพลงของคุณค่อย ๆ เปลี่ยนไปตามวัยของคุณที่โตมากขึ้น

J: ฉันก็หวังแบบนั้นคะ และก็อยากจะเห็นแบบนั้นด้วย

Q: I heard you have a wish to make heavy songs lately.
J: Yes. I originally liked sweet and warm music. But I come to like heavy ones, too recently. So, the songs I make are becoming heavy, too.

Q: ฉันได้ยินมาว่าคุณอยากจะทำเพลงที่หนักมากขึ้น

J: ใช่คะ ฉันชอบเพลงหวาน ๆ และดนตรีที่อบอุ่น แต่ก็อยากจะทำเพลงที่หนักขึ้นกว่านี้ดูบ้าง นั้นเป็นเหตุผลว่าทำไมเพลงของฉันถึงเริ่มหนักขึ้น

Q: We’d love to listen to that.(Laughter) Maybe you are producing different types of songs in the near future.
J: Yes. I don’t want to settle just one genre. I always want to challenge many kinds of songs. Please look forward.

Q: เราก็ชอบที่จะฟังนะ (หัวเราะ) บางทีคุณอาจจะทำเพลงที่แตกต่างไปจากนี้ในอนาคตอันใกล้

J: ใช่คะ ฉันไม่อยากที่จะทำอะไรเพียงอย่างเดียว ฉันมักจะเปลี่ยนสไตล์เพลงไปเรื่อย ๆ ช่วยติดตามด้วยนะคะ

source: http://musicshelf.jp/blog/selector/2012/02/juniel-special-interview.html
credits: okmak111 + junielsg

Thai Trans : @Bua2be

Please take out with full credit.


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น