วันเสาร์ที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2555

[Pic/Trans] Star Column with CNBLUE Lee Jonghyun, สบายดีมั๊ยโคลิน? (Part 1)


CNBLUE’s Lee Jong Hyun’s career can be divided into before and after “A Gentleman’s Dignity,” which recently wrapped on SBS. Lee Jong Hyun played Jang Dong Gun’s son Colin, and that’s how people began to know him. He had been known to their teenage fans but hadn’t really had a chance to appeal to the older audiences before.
The following is a recounting in Lee Jong Hyun’s own words.
It’s almost been a month since I parted ways with Colin. The disappointment that was left at departing is now changing into a strange longing but I haven’t been able to let him go just yet. He’ll probably be in a corner of my conscience for the rest of my life. The anxiety that took me when I first met him is now a very precious memory.
When I look back, I sometimes think, “I could have done better,” and then I also think, “Perhaps if I had enjoyed the ride a little more, Colin could have been a better character.” Colin, who gave me great memories, opportunities for future challenges and many other things, is my unforgettable friend.
ความเป็น CNBLUE ลีจงฮยอน  ที่ถูกแบ่งออกเป็นก่อนและหลัง "A Gentleman's Dignity"  ซีรียส์ที่เพิ่งจะออกอากาศทางช่อง SBS  ลีจงฮยอนได้รับบทเป็นโคลินลูกชายของจางดองกัน  และนั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้ผู้คนเริ่มรู้จักเขา  เขาเป็นที่รู้จักในหมู่แฟนคลับวัยรุ่น  แต่กลับไม่เคยได้มีโอกาสเปิดเผยตัวตนต่อผู้ชมที่มีอายุมาก่อน
ต่อจากนี้ไปคือคำพูดที่บอกเล่าความเป็นตัวเขาจากปากของลีจงฮยอนเอง
มันเกือบจะเดือนหนึ่งแล้วครับตั้งแต่ผมได้ละทิ้งบทบาทของโคลิน  ความโศกเศร้าที่เกิดขึ้นจากการที่ต้องแยกย้ายจากกันในเวลานั้น  ตอนนี้ได้เปลี่ยนเป็นความปรารถนาที่แปลกแต่ผมก็ไม่สามารถจะปล่อยให้เขาจากไปได้เลย  บางทีเขาอาจจะซ่อนอยู่ในส่วนหนึ่งของจิตใจในช่วงหนึ่งของชีวิตผมที่เหลืออยู่ ความกังวลที่เคยมีในตอนที่เราพบกันครั้งแรกได้กลับกลายมาเป็นความทรงจำอันล้ำค่าในตอนนี้

เมื่อผมมองย้อนกลับไป  บางครั้งผมก็คิดว่า "ผมสามารถทำได้ดีกว่านี้"  แล้วก็คิดต่อไปว่า "บางทีถ้าผมสนุกกับมันมากขึ้นอีกสักนิด  โคลินก็จะมีคาแรคเตอร์ที่ดีกว่านี้"  โคลินคนที่ให้ความทรงจำที่แสนยอดเยี่ยมแก่ผม  โอกาสสำหรับวันข้างหน้าและสิ่งต่าง ๆ มากมาย  คือเพื่อนที่ผมไม่อาจลืมเลือนได้เลย



1. Stubborn Lee Jong Hyun
I was a member of the band that had no interest in acting and especially within CNBLUE. Even when Jung Yong Hwa and Kang Min Hyuk started, I never thought of it. Is it because I have an accent? No, I never fixed my accent because I never wanted to act.
I had a strange stubbornness for the phrase, ‘Once a singer, always a singer.’ Even when my company suggested acting, I said, “I only want to sing.” I only wanted to show people the Lee Jong Hyun in the songs and on stage. But Colin was the one who won me over. An amazing dude!
I only went back on my word because Colin was a very attractive character. My management CEO left a script of “A Gentleman’s Dignity,” and I found it so fun that I couldn’t wait to see what the next story would be.
However, stubborn me couldn’t just say, “I want to do this.” I instead took on the role as if I couldn’t refuse them any longer, even though I really wanted to do it. If I had kept on being stubborn, I might have really regretted my decision.
The really difficult stuff came after I said, “I do.” What was I going to do about my Busan accent? I even thought of perhaps giving up but Jung Yong Hwa said I’d regret it forever and I took that to heart.
1. ลีจงฮยอนปากแข็ง
ผมเคยเป็นสมาชิกของวงดนตรีที่ไม่เคยสนใจในการแสดงและมุ่งความสนใจไปเพียงแค่ CNBLUE  แม้ว่าจองยงฮวาและคังมินฮยอกจะเริ่มเข้าสู่การแสดง  แต่ผมก็ไม่เคยคิดถึงเรื่องนั้นเลย  เป็นเพราะสำเนียงของผมงั้นเหรอ?  ไม่เลย  ผมไม่เคยสนใจเรื่องนั้นแต่มันเป็นเพราะผมไม่ต้องการที่จะแสดงต่างหากล่ะ
ผมค่อนข้างที่จะดื้อรั้นอย่างมากเพียงเพราะผมพูดว่า "เป็นนักร้อง  เป็นเพียงนักร้อง" แม้ว่าบริษัทของผมจะเสนอให้แสดงแต่ผมก็ตอบไปว่า "ผมต้องการร้องเพลงอย่างเดียว"  ผมอยากแสดงให้คนอื่น ๆ เห็นความเป็นลีจงฮยอนในเพลงบนเวที  แต่โคลินคือคนที่เอาชนะผม  เป็นอะไรที่แปลกประหลาดมาก

ผมต้องกลืนน้ำลายตัวเองเพราะบทของโคลินดึงดูดผมเป็นอย่างมาก  ผู้จัดการเอาบท "A Gentleman's Dignity" มาให้ผม  แล้วผมก็ได้รู้ว่ามันสนุกมาก  สนุกจนไม่สามารถรอตอนต่อไปได้เลย
แต่ถึงอย่างนั้นคนปากแข็งอย่างผมก็ไม่สามารถพูดคำง่าย ๆ อย่าง "ผมจะทำมัน"  ออกไปได้  ผมลองแสดงบทบาทนั้นดูและก็ได้รู้ว่าผมไม่สามารถที่จะปฏิเสธพวกเขาได้อีก  ผมต้องการที่จะทำมันจริง ๆ หากผมยังคงปากแข็งอยู่  ผมอาจจะต้องเสียใจกับการตัดสินใจของตัวเอง
แต่มันก็ยังเป็นเรื่องยากมากที่จะพูดว่า "ผมจะทำมัน"  ผมจะทำยังไงดีกับสำเนียงปูซานของผม  ผมคิดแม้กระทั่งจะยอมแพ้และไม่ทำมัน  แต่จองยงฮวากลับบอกกับผมว่า "ผมจะเสียใจตลอดไปแล้วมันก็จะติดค้างอยู่ในใจของผม"



2. Deciding to be Colin
Regretting things later is absolutely useless. I made up my mind to do it and auditioned for the part. It wasn’t easy as there were a lot of competitors and the camera test wasn’t simple. However, the crew, who were looking for a more westernized image for the character, liked me. Happiness aside, this was the real deal. I had to fix my accent and I had to practice.
However, when the time came, there was nothing I couldn’t do and it was the first time that I thought people can really do anything they put their mind to. 6 months is long if you make it long and short if you make it short. I was able to conquer my accent and though it may be slightly awkward for those raised in Seoul, it was a huge improvement for someone like me.
Minus the accent, I prepared myself to become Colin. I put in my best to figure out how I would be able to make Colin the best that he could be.
Then there was the problem of acting. I had never received training when I had just finished getting rid of my accent for the part. Jong Hyun! What have you done??
Until the first day of shooting, I focused only on Colin. I never let my script out of my sight and as the day approached, everything was putting pressure on me. I worried if I would be a burden for the production, which I didn’t want at all. Thanks to that, I lost 6-7kg of weight and my skin became worse as I began to have lack of sleep and rest. I wanted to appear on TV at my best condition but alas, it could not be so.
As the anxiety began to fade away, D-Day finally came around.
2. ตัดสินใจเป็นโคลิน
ความเสียใจคือเรื่องไร้สาระ  ผมตัดสินใจที่จะทำมันและเข้าร่วมคัดตัวนักแสดง  แต่มันไม่ง่ายเลยมีคู่แข่งมากมายและการแสดงหน้ากล้องก็ไม่ใช่เรื่องธรรมดา  แต่ทว่าทีมงานกำลังมองหาคนที่มีภาพลักษณ์แบบตะวันตกเหมือนที่ผมเป็น ความสุขนี้เป็นเรื่องจริง  ผมต้องปรับสำเนียงใหม่และผมก็ลงมือฝึกฝนทันที

แต่ว่า  เมื่อเวลานั้นมาถึง  ไม่มีอะไรที่ผมทำไม่ได้และนั่นเป็นครั้งแรกที่ผมคิดว่าคนเราสามารถทำได้ทุกสิ่งเพียงแค่ใส่ใจกับมัน  6 เดือนช่างดูยาวนานหากคุณทำให้มันยาวนาน  และมันก็แสนสั้นหากคุณทำให้มันสั้น  ผมสามารถเอาชนะสำเนียงของตัวเองได้  และมันอาจจะทำให้คนที่เติบโตขึ้นมาในโซลรู้สึกไม่ดี  แต่มันคือการเปลี่ยนแปลงตัวเองครั้งใหญ่ของผม
นอกจากเรื่องสำเนียงแล้ว  ผมได้เตรียมตัวที่จะเป็นโคลิน  ผมได้ทำสิ่งที่ผมคิดว่าดีที่สุดที่จะทำให้ผมเป็นโคลินมากเท่าที่ผมจะทำได้

ต่อจากนั้นก็เป็นปัญหาเรื่องการแสดง  ผมไม่เคยได้รับการฝึกฝนเรื่องนั้นเลย  หลังจากที่ผมได้ผ่านการฝึกฝนเรื่องสำเนียงมาแล้ว จงฮยอน!  นายทำอะไรลงไป??
จนกระทั้งวันแรกของการถ่ายทำมาถึง  ผมพุ่งจุดสนใจไปที่โคลินเท่านั้น  ผมไม่เคยยอมให้บทห่างกายเลยจนกระทั่งวันนั้นใกล้เข้ามาทุกที  ทุกสิ่งทุกอย่างคือแรงกดดัน  ผมกังวลว่าผมจะกลายเป็นภาระ  และนั่นคือสิ่งที่ผมไม่ต้องการเลย  ขอบคุณแรงกดดันเหล่านั้น  น้ำหนักผมลดลงไป 6-7 กิโลกรัม  แล้วผิวก็เริ่มแย่เพราะผมพักผ่อนไม่เพียงพอ  ผมอยากปรากฏตัวในทีวีด้วยรูปลักษณ์ที่ดูดี  แต่อนิจจามันกลับไม่เป็นแบบนั้น
เมื่อความวิตกกังวลเริ่มที่จะหายไป  ดีเดย์ก็เดินทางมาถึง



Source : www.cnbluestorm.com
Written : Lee JongHyun
Edited : Hwang YongHee ( Issue Daily Director)
Translationkpopstarz
Photo Cr: FNC Entertainment and SBS
Thai Translation : @Bua2be
Please Take Out With Full Credit.



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น